
อย่างไรก็ตาม ตลอดอาชีพการเล่นของแข้งวัย 30 ปี ที่ทำได้ราว 257 ประตู จากการลงเล่น 493 นัดในทุกรายการนั้น เขากลับได้สัมผัสกับแชมป์รายการใหญ่ๆ เพียงแค่ 2 หน นั่นคือ กู๊ป เดอ ลา ลีก กับ แซงต์-เอเตียน 1 และแชมป์ เดเอฟเบ โคพาล กับ ดอร์ทมุนด์ 1 หรือต่อให้จะนับรายการที่เตะกันแบบนัดเดียวจบเข้าไปด้วย เขาก็จะมีดีกรีเป็นแชมป์เพิ่มอีกเพียง 2 รายการ นั่นคือ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ กับ ดอร์ทมุนด์ 2 หน
เดิมที โอบาเมยอง หวังว่าการมาอยู่กับ อาร์เซน่อล จะช่วยทำให้เขามีแชมป์มากขึ้น แต่ทีมก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที เพราะเขาเป็นเพียงรองแชมป์ อีเอฟแอล คัพ กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับทีมอย่างละ 1 สมัยเท่านั้น ทำให้ข่าวลือการย้ายทีมของ โอบาเมยอง มีออกมาเรื่อยๆ และไม่นานมานี้ก็มีข่าวลือว่าแข้งวัย 30 ปี แจ้งกับต้นสังกัดแล้วว่าอยากย้ายทีม ซึ่งถ้าหากลองพิจารณาผลงานของเขาในฤดูกาลนี้ตามที่เรากำลังจะกล่าวถึงนั้น มันก็จะเห็นว่าถ้าขาด โอบาเมยอง ไปแล้ว มันก็น่าจะส่งผลเสียกับ อาร์เซน่อล อย่าง มากเลยทีเดียว

แน่นอนว่าเกมฟุตบอลนั้น การทำประตูให้ได้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ซึ้งถ้ามองในทางกลับกันมันก็หมายความว่าคู่แข่งจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ทีมของคุณทำประตูได้ ดังนั้นถ้าเกิดมีโอกาสคุณก็ควรจะต้องทำประตูให้ได้ เพราะคู่แข่งอาจจะไม่พลาดซ้ำสอง
ทั้งนี้ โอบาเมยอง ถือเป็นคนที่ใช้โอกาสได้อย่างคุ้มค่า เพราะเขาสามารถประตูในลีกประจำซีซั่นนี้ได้ถึง 17 ลูก ทั้งที่มีจังหวะสับไกยิงเพียง 35 ครั้ง หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยเพียง 2.5 หนต่อเกมเท่านั้น ซึ่งมันก็ใกล้เคียงกับฤดูกาลก่อนที่เขามีค่าเฉลี่ยการยิงในลีก 2.6 หนต่อเกม และทำได้ 22 ประตู จนทำให้เป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์